เมื่อ Google Cloud ไม่แย่งเค้กก้อนใหญ่ แต่ขอปั้นเค้กก้อนใหม่กับ AI Startups

ในขณะที่วงการ AI กำลังร้อนระอุไปด้วยดีลยักษ์ใหญ่ ล่าสุดคือการจับมือกันระหว่าง Nvidia และ OpenAI ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง US$100 พันล้าน (≈ 3.6 ล้านล้านบาท) ที่เน้นไปที่การซื้อชิปและการประมวลผลมหาศาล Google Cloud กลับเลือกเดินเกมที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แทนที่จะไปแย่งชิงเค้กก้อนใหญ่กับผู้เล่นรายอื่น Google Cloud กลับมุ่งมั่นที่จะคว้าใจบริษัท AI รุ่นใหม่ ๆ ก่อนที่พวกเขาจะเติบโตจนเกินจะเข้าถึง

Francis deSouza, COO ของ Google Cloud ผู้คร่ำหวอดในวงการ AI ได้เล่าถึงกลยุทธ์นี้อย่างน่าสนใจ เขาบอกว่า 9 ใน 10 ของ AI Labs ชั้นนำต่างก็ใช้โครงสร้างพื้นฐานของ Google และเกือบทุก Generative AI Unicorns ก็รันอยู่บน Google Cloud ที่สำคัญคือ 60% ของ AI Startups ทั่วโลกเลือก Google เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ Google มีรายได้ใหม่ที่ผูกพันแล้วถึง US$58 พันล้าน (≈ 2.1 ล้านล้านบาท) ในอีกสองปีข้างหน้า มากกว่ารายได้ปัจจุบันถึงสองเท่าตัวเลยทีเดียว

ถึงแม้ดีลยักษ์ใหญ่จากคู่แข่งอย่าง Microsoft ที่ลงทุนใน OpenAI, Amazon ใน Anthropic, หรือแม้แต่ Oracle ที่ได้ดีลกับ OpenAI จะดูน่ากังวล แต่ Google Cloud กลับไม่หยุดนิ่ง พวกเขาเลือกที่จะเซ็นสัญญากับบริษัทเล็ก ๆ อย่าง Loveable และ Windsurf ซึ่ง deSouza เรียกว่าเป็น “Next Generation of Companies” โดยไม่ต้องมีการลงทุนล่วงหน้าก้อนใหญ่ นี่คือกลยุทธ์ที่มองเห็นโอกาสในตลาดที่บริษัทสตาร์ทอัพสามารถเติบโตเป็นบริษัทหลายพันล้านดอลลาร์ได้ในเวลาอันสั้น การคว้า Unicorns ในอนาคตจึงมีค่ามากกว่าการไปแย่งชิงกับยักษ์ใหญ่ในวันนี้

กลยุทธ์ของ Google ไม่ได้หยุดแค่การหาลูกค้าใหม่ แต่ยังรวมถึงการเสนอเครดิตคลาวด์มูลค่า US$350,000 (≈ 12.6 ล้านบาท) ให้กับ AI Startups พร้อมทีมงานเทคนิคและ Go-to-Market Support นอกจากนี้ Google Cloud ยังนำเสนอ AI Stack แบบ “No Compromise” ตั้งแต่ชิปไปจนถึงโมเดลและแอปพลิเคชัน ด้วย “Open Ethos” ที่ให้ลูกค้ามีทางเลือกในทุกระดับ ที่น่าสนใจคือ Google ยังขยายธุรกิจชิป AI ของตัวเอง โดยมีรายงานว่า Google ได้ทำข้อตกลงเพื่อนำ Tensor Processing Units (TPUs) ไปติดตั้งใน Data Centers ของผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่นเป็นครั้งแรกด้วย

การที่ Google เป็นทั้งผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและคู่แข่งในเวลาเดียวกันนั้นต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก พวกเขาให้ชิป TPU กับ OpenAI และเป็นโฮสต์โมเดล Claude ของ Anthropic ผ่านแพลตฟอร์ม Vertex AI ทั้ง ๆ ที่โมเดล Gemini ของตัวเองก็เป็นคู่แข่งโดยตรง แต่ Google ก็ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเป็น Open Platform มาโดยตลอด ซึ่งเป็นแนวทางที่ Google ใช้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุน Open-Source หรือการเผยแพร่โปรโตคอลอย่าง Agent-to-Agent (A2A) เพื่อการสื่อสารระหว่าง Agent

ในขณะที่ศาลกำลังพิจารณาคดีผูกขาดการค้นหาของ Google ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการ AI ของบริษัท การที่ Google Cloud พยายามสร้างความสัมพันธ์กับ Startups และแสดงให้เห็นถึงการส่งเสริมการแข่งขัน อาจเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการลดแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล พร้อมกับปั้นอนาคตของ AI ไปพร้อม ๆ กัน ก็ต้องรอดูกันว่าหมากตานี้ของ Google จะออกมาเป็นอย่างไร จะได้ใจทั้ง Startups และ Regulator หรือเปล่า ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ