ÄIO สตาร์ทอัพเอสโตเนีย เปลี่ยนขี้เลื่อยเป็นไขมัน ท้าชนน้ำมันปาล์ม

ÄIO สตาร์ทอัพจากเอสโตเนีย พัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำ เปลี่ยนขี้เลื่อยและของเสียจากการเกษตรให้กลายเป็นไขมันสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันปาล์มที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ÄIO (อ่านว่า อัย-โอ้) ที่เป็นชื่อเทพเจ้าแห่งความฝันของเอสโตเนีย กลายเป็นชื่อที่เหมาะเจาะสำหรับสตาร์ทอัพดาวรุ่งจากประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่คิดค้นกระบวนการเปลี่ยนของเหลือทิ้งทางการเกษตรอย่างขี้เลื่อย ให้กลายเป็นไขมันสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง เป้าหมายหลักก็เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันปาล์ม ซึ่งแม้จะเป็นส่วนผสมหลักในสินค้ามากมาย แต่ก็แลกมาด้วยการทำลายป่าฝนและระบบนิเวศอย่างมหาศาล
เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือสองนักวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีชีวภาพ Nemailla Bonturi และ Petri-Jaan Lahtvee ที่ต่อยอดจากงานวิจัยปริญญาเอกของ Bonturi เธอได้คิดค้นจุลินทรีย์สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งก็คือยีสต์ชนิดพิเศษ ที่แทนที่จะกินน้ำตาลแล้วปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหมือนยีสต์ทำขนมปังหรือเบียร์ แต่กลับผลิตโมเลกุลไขมันออกมาแทน
ที่น่าสนใจคือ Lahtvee บอกว่าโปรไฟล์ไขมันที่ได้นั้น ‘คล้ายกับไขมันที่มีอยู่เดิมมาก’ และในรูปแบบของแข็งจะใกล้เคียงกับ ‘ไขมันไก่’ ที่สุด แต่ก็สามารถปรับกระบวนการหมัก (Fermentation) เพื่อผลิตเป็นน้ำมันเหลวได้เช่นกัน ทำให้มันอาจมาแทนที่น้ำมันพืชอย่างน้ำมัน Canola ได้ในอนาคต
ในปี 2022 ทั้งคู่มั่นใจว่าโซลูชันนี้ไปต่อในเชิงพาณิชย์ได้ จึงก่อตั้ง ÄIO ขึ้นมา และระดมทุนไปแล้วราว US$7 ล้าน (≈ 255.5 ล้านบาท) แถมยังคว้ารางวัล Baltic Sustainability Award ปี 2024 และมีบริษัทกว่า 100 แห่งทั่วโลกให้ความสนใจที่จะร่วมมือด้วย
ก้าวต่อไปคือการสร้างโรงงานผลิตเชิงพาณิชย์ให้ได้ภายในปี 2027 รวมถึงการขอใบอนุญาตจำหน่ายในแต่ละประเทศ ซึ่งน่าจะเริ่มต้นที่สิงคโปร์ที่ค่อนข้างเปิดกว้างกับผลิตภัณฑ์อาหารทางเลือกใหม่ ๆ โดยล่าสุดพวกเขาก็เตรียมไปโชว์เทคโนโลยีนี้ในงาน Startup Battlefield ที่ TechCrunch Disrupt ด้วย
Bonturi ทิ้งท้ายอย่างมีความหวังว่า อยากจะแสดงให้เห็นว่า ‘นักวิทยาศาสตร์สองคนในประเทศเล็ก ๆ ก็สามารถทำอะไรที่ดีกว่าเพื่อโลกได้’ ก็ต้องรอดูว่าไขมันจากขี้เลื่อยจะมาเขย่าวงการอาหารได้จริง ๆ หรือเป็นแค่ความฝันสมชื่อ
*อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2024: US$1 ≈ 36.5 บาท
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้