สหรัฐฯ จ่อแบน TP-Link เราเตอร์ยอดนิยม หวั่นเป็นภัยความมั่นคงจากจีน

หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลายแห่งหนุนข้อเสนอแบนเราเตอร์ TP-Link แบรนด์ยอดนิยมในประเทศ โดยให้เหตุผลเรื่องความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติที่อาจเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน แม้ทางบริษัทจะปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างแข็งขัน
รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าพิจารณาแบนเราเตอร์ TP-Link แบรนด์ยอดนิยมในประเทศอย่างจริงจัง หลังหน่วยงานรัฐบาลกลางกว่าครึ่งโหลเห็นพ้องต้องกันว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากความกังวลว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของชาวอเมริกันอาจตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลจีน
เรื่องนี้ทำให้ TP-Link ต้องออกมาชี้แจงทันที โดยยืนยันว่าบริษัทเป็นบริษัทอิสระในสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า TP-Link Systems มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Irvine แคลิฟอร์เนีย และรัฐบาลต่างชาติรวมถึงจีนไม่สามารถเข้าถึงหรือควบคุมการออกแบบและผลิตสินค้าได้ แม้ว่าบริษัทจะก่อตั้งขึ้นที่เซินเจิ้น ประเทศจีน ในปี 1996 และเพิ่งมีการปรับโครงสร้างแยกบริษัทเป็น TP-Link Technologies และ TP-Link Systems เมื่อเดือนตุลาคม 2024 ที่ผ่านมาก็ตาม
ที่น่าสนใจคือ TP-Link กลายเป็นเจ้าตลาดเราเตอร์ในสหรัฐฯ อย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 โดยมีรายงานว่าส่วนแบ่งตลาดพุ่งจาก 20% ในปี 2019 ไปถึง 65% ในปีนี้ (แม้ TP-Link จะแย้งตัวเลขนี้ก็ตาม) นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมยังกำลังสอบสวนแยกอีกคดีว่า TP-Link ใช้กลยุทธ์ "กดราคา" (Predatory Pricing) เพื่อกำจัดคู่แข่งออกจากตลาดหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทก็ปฏิเสธว่าไม่เคยขายสินค้าต่ำกว่าทุน
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์กลับมีความเห็นหลากหลาย บางคนบอกว่าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง แต่หลายคนชี้ว่าเราเตอร์ทุกยี่ห้อล้วนมีช่องโหว่ ไม่ใช่แค่แบรนด์จากจีนเท่านั้น Itay Cohen หนึ่งในผู้เขียนรายงานที่เคยพบเฟิร์มแวร์ต้องสงสัยในเราเตอร์ TP-Link กล่าวว่า "ยังไม่มีหลักฐานสาธารณะมากพอที่จะสนับสนุนให้หลีกเลี่ยงเราเตอร์จากจีนโดยสิ้นเชิง" ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ Thomas Pace, CEO บริษัท NetRise ที่บอกว่า "เราเจอช่องโหว่ในเฟิร์มแวร์ของ TP-Link แต่เราก็เจอมันในทุกอย่าง"
สำหรับใครที่ใช้เราเตอร์ TP-Link อยู่แล้วรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันที ก็มีคำแนะนำเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยของเครือข่ายมาฝากกัน:
- เปลี่ยนรหัสผ่านเข้าระบบ: ไม่ใช่รหัส Wi-Fi แต่เป็นรหัส Admin ที่ใช้ตั้งค่าเครื่อง คนส่วนใหญ่มักใช้รหัสผ่านที่มาจากโรงงาน ซึ่งเป็นเป้าโจมตีได้ง่าย
- ใช้ VPN: หากกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN คุณภาพดีจะช่วยเข้ารหัสข้อมูลและทำให้การเชื่อมต่อของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น
- เปิด Firewall และการเข้ารหัส Wi-Fi: ส่วนใหญ่จะเปิดเป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว แต่เช็กอีกทีเพื่อความชัวร์ โดยควรเลือกใช้มาตรฐานความปลอดภัยล่าสุดอย่าง WPA3
- อัปเดต Firmware: หมั่นตรวจสอบและอัปเดตเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
- พิจารณาซื้อเราเตอร์ใหม่: หากไม่สบายใจ การเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นที่ได้รับการรับรอง WPA3 ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
สุดท้ายแล้ว แม้รัฐบาลจะมองว่ามีความเสี่ยงที่ประชาชนทั่วไปอาจไม่รู้ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยังมองว่าการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยไซเบอร์ขั้นพื้นฐานยังคงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ไม่ว่าเราเตอร์ที่คุณใช้จะมาจากไหนก็ตาม
*อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 ต.ค. 2025: US$1 = 32.38 บาท
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้