ข้ามไปยังเนื้อหา

Trump สร้างความปั่นป่วน! ขึ้นค่าธรรมเนียม H-1B พุ่งกระฉูด หวังปกป้องคนอเมริกัน

เทคโนโลยี
0 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
Trump สร้างความปั่นป่วน! ขึ้นค่าธรรมเนียม H-1B พุ่งกระฉูด หวังปกป้องคนอเมริกัน
Photo by Library of Congress on Unsplash
By Uncle Bear
TL;DR

อดีตประธานาธิบดี Trump ออกประกาศให้บริษัทที่ต้องการจ้างพนักงานต่างชาติผ่านวีซ่า H-1B ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงถึง US$100,000 (≈ 3.6 ล้านบาท) จากเดิมแค่ US$215 (≈ 7,800 บาท) เพื่อลดการแย่งงานคนอเมริกัน สร้างความกังวลให้บริษัทเทคฯ และผู้ที่ถือวีซ่า H-1B อย่างมาก

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ได้เซ็นประกาศสำคัญที่ทำให้การจ้างงานชาวต่างชาติผ่านโครงการวีซ่า H-1B แพงหูฉี่ขึ้นมาทันที! จากเดิมที่เคยจ่ายค่าลงทะเบียนจับฉลากแค่ US$215 (≈ 7,800 บาท) ตอนนี้พุ่งพรวดไปเป็น US$100,000 (≈ 3.6 ล้านบาท) สำหรับการยื่นขอวีซ่า H-1B ใหม่แต่ละครั้ง

วีซ่า H-1B เป็นกุญแจสำคัญที่บริษัทในสหรัฐฯ ใช้จ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติในสาขาที่ต้องการทักษะเฉพาะทาง เช่น IT, วิศวกรรม, คณิตศาสตร์ หรือการแพทย์ โดยมีโควตาปีละ 65,000 ใบ และเพิ่มอีก 20,000 ใบสำหรับผู้ที่จบปริญญาโทขึ้นไปจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ซึ่งปกติแล้ววีซ่านี้จะมีอายุ 3 ปี และสามารถต่ออายุหรือยื่นขอ Green Card ได้

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทางทำเนียบขาวให้เหตุผลว่าต้องการปราบปรามการใช้โครงการนี้ในทางที่ผิด ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นต้นเหตุให้คนอเมริกันตกงาน ที่น่าสนใจคือข้อมูลจากทำเนียบขาวชี้ว่า สัดส่วนของพนักงาน IT ที่ถือวีซ่า H-1B เพิ่มขึ้นจาก 32% ในปี 2003 เป็นกว่า 65% ในปัจจุบัน ในขณะที่อัตราการว่างงานของบัณฑิตจบใหม่สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์พุ่งไปถึง 6.1% ตรงนี้ทำให้หลายฝ่ายหันมามองว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ Silicon Valley ที่พึ่งพาแรงงานต่างชาติเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่าเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำในวงการเทคโนโลยีหลายคน เพราะโครงการ H-1B นี่แหละที่ช่วยสร้างความสำเร็จให้บริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่งในภูมิภาคนี้ ขนาด Elon Musk ผู้ก่อตั้ง Tesla และ SpaceX ที่เคยเป็นผู้ถือวีซ่า H-1B มาก่อน ก็เคยออกมาปกป้องโครงการนี้อย่างดุเดือดถึงขั้นทวีตข้อความว่า “เหตุผลที่ผมอยู่ในอเมริกาพร้อมกับคนสำคัญอีกมากมายที่สร้าง SpaceX, Tesla และบริษัทอื่น ๆ อีกหลายร้อยแห่งที่ทำให้ประเทศนี้แข็งแกร่ง ก็เพราะ H-1B นี่แหละ”

ในขณะที่บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Microsoft ก็ได้แจ้งเตือนพนักงานที่ถือวีซ่า H-1B ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกสหรัฐฯ และให้อยู่ในประเทศไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ ซึ่งตรงนี้สะท้อนความกังวลที่เกิดขึ้นในวงการอย่างชัดเจนว่านโยบายใหม่นี้จะสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดแรงงานและนวัตกรรมในสหรัฐฯ ขนาดไหน

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้