ข้ามไปยังเนื้อหา

ญี่ปุ่นประเดิมคดีแรก ภาพจาก AI ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ หลังคนทำใช้ Prompt กว่า 2 หมื่นครั้ง

เทคโนโลยี
2 ครั้ง
0 ความเห็น
2 นาที
ญี่ปุ่นประเดิมคดีแรก ภาพจาก AI ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ หลังคนทำใช้ Prompt กว่า 2 หมื่นครั้ง
By Suphansa Makpayab
TL;DR

ตำรวจญี่ปุ่นส่งฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ภาพจาก AI เป็นครั้งแรก หลังพบว่าผู้สร้างใช้ความพยายามปรับแก้ Prompt กว่า 20,000 ครั้ง จนเข้าข่ายงานสร้างสรรค์ที่มีลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย งานนี้ทำเอาวงการศิลปะและกฎหมายต้องจับตามองบรรทัดฐานใหม่

วงการกฎหมายและศิลปะดิจิทัลต้องหันขวับ เมื่อตำรวจญี่ปุ่นได้กล่าวหาชายคนหนึ่งในข้อหาทำซ้ำภาพที่สร้างจาก AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเชื่อกันว่านี่เป็นคดีทางกฎหมายครั้งแรกในญี่ปุ่นที่ภาพจาก AI ถูกปฏิบัติเสมือนเป็น "งานที่มีลิขสิทธิ์" ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ของประเทศ งานนี้ทำเอาหลายฝ่ายที่เคยคิดว่าภาพ AI ไม่มีเจ้าของต้องคิดใหม่

เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยโดย Yomiuri Shimbun ระบุว่าต้นเรื่องมาจากชายวัย 20 กว่าปีในจังหวัด Chiba ที่ใช้ Stable Diffusion สร้างภาพขึ้นมาเมื่อปี 2024 แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ เขาไม่ได้แค่กด Generate ทีเดียวจบ แต่เขาอ้างว่าได้ใช้ Prompt (คำสั่งที่ป้อนให้ AI) ไปมากกว่า 20,000 ครั้งกว่าจะได้ภาพสุดท้ายออกมา แต่แล้วภาพนี้กลับถูกชายอีกคนวัย 27 ปี นำไปใช้เป็นปกหนังสือเพื่อจำหน่ายโดยไม่ขออนุญาต ตำรวจจึงมองว่าผู้สร้างมีความเกี่ยวข้องในการสร้างสรรค์มากพอ และส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการต่อ

ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ของญี่ปุ่น นิยามงานที่มีลิขสิทธิ์ว่าเป็น "การแสดงออกซึ่งความคิดหรือความรู้สึกที่สร้างสรรค์" ทางหน่วยงานด้านวัฒนธรรมเคยระบุไว้ว่า ถ้า AI สร้างภาพโดยไม่มีคำสั่งหรือมีคำสั่งพื้นฐานจากมนุษย์เพียงเล็กน้อย จะไม่ถือว่าเป็นงานสร้างสรรค์และไม่มีลิขสิทธิ์ แต่ถ้ามนุษย์ใช้ AI เป็น "เครื่องมือ" เพื่อถ่ายทอดความคิดอย่างสร้างสรรค์ ผลงานนั้นก็อาจได้รับความคุ้มครอง โดยต้องดูเป็นกรณีไป ซึ่งเกณฑ์สำคัญคือความละเอียดของ Prompt และการปรับแก้ซ้ำๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย AI จากสมาคมทนายความ Fukui ให้ความเห็นว่า คดีนี้ถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยชี้ว่าหาก Prompt มีความละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากพอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ผู้สร้างจินตนาการไว้ ภาพนั้นก็สมควรได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ พูดง่ายๆ คือต้องพิสูจน์ว่าคนทำมีความตั้งใจป้อนคำสั่งเพื่อไปให้ถึงผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ ไม่ใช่แค่สุ่มออกมา

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้