iOS 26 อัปดีไหม? ส่องข้อดี-ข้อเสีย ดีไซน์ใหม่ 'Liquid Glass' ที่เสียงแตก

เปิดตัวมาได้เดือนกว่าแล้วสำหรับ iOS 26 แต่ดูเหมือนว่าผู้ใช้ iPhone จำนวนมากยังคงนั่งทับมือ ไม่กล้ากดอัปเดตกันสักที เหตุผลหลักก็คือการยกเครื่องดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษในชื่อ "Liquid Glass" ที่ทำเอาเสียงแตกเป็นสองฝั่ง แถมเมื่ออัปไปแล้วก็ไม่มีทางย้อนกลับมาได้ด้วย

แต่ก่อนจะตัดสินใจ เรามาดูฝั่งข้อดีกันก่อน เพราะ iOS 26 ไม่ได้มีแค่หน้าตาสวย ๆ แต่ยังพกฟีเจอร์เด็ด ๆ มาเพียบ ที่น่าสนใจคือ:

• Live Translation: ฟีเจอร์แปลภาษาสด ๆ ผ่าน Messages, FaceTime และการโทรศัพท์ปกติ ที่ใช้พลังของ Apple Intelligence ทำให้การคุยกับคนต่างภาษ้าง่ายขึ้นเป็นกอง อาจจะติดขัดนิดหน่อยที่ต้องรอฟังคำแปล แต่มันก็ดีกว่าคุยกันไม่รู้เรื่องเลย
• Photos App โฉมใหม่: จัดระเบียบแอป Photos ที่เคยรกและสับสน ให้เหลือแค่ 2 แท็บหลักคือ Library และ Collections ทำให้หาภาพง่ายขึ้นมากจนต้องถามว่าทำไมไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก
• ลูกเล่นใน Messages: ความสามารถในการสร้างโพลล์และตั้งพื้นหลังแชตกลุ่มได้ ช่วยเพิ่มสีสันให้การพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว

มาถึงพระเอกของงานอย่างดีไซน์ Liquid Glass ที่เปลี่ยนหน้าตา UI ทั้งหมดให้มีลักษณะโปร่งแสงเหมือนแก้วหรือผิวน้ำ มี Animation พริ้วไหวเวลาใช้งาน ซึ่งทาง Mashable เองก็เคยรีวิวชื่นชมดีไซน์นี้บน iPadOS 26 มาแล้ว และผู้ใช้หลายคนก็ชอบความรู้สึกที่ดูล้ำสมัยนี้เช่นกัน

แน่นอนว่ามีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ หลายคนรู้สึกว่าเอฟเฟกต์โปร่งแสงมันดูลายตาเกินไป และที่สำคัญคือ "ปิดไม่ได้" แม้ในเวอร์ชัน Beta จะมีโหมด "Tinted Glass" ให้ปรับแต่งได้เล็กน้อย แต่มันก็ไม่ใช่การปิดเอฟเฟกต์ทั้งหมด ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ถูกชะตากับดีไซน์แนวนี้จริง ๆ การไม่อัปเดตอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

และประเด็นสุดท้ายที่น่ากังวลที่สุดคือ "แบตเตอรี่" มีเสียงบ่นจากผู้ใช้จำนวนไม่น้อยว่าแบตเตอรี่ไหลเป็นน้ำหลังอัปเดต แม้ Apple จะบอกว่าเป็นอาการชั่วคราวระหว่างที่เครื่องกำลังปรับตัว แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าแบตเตอรี่ของคุณจะไม่ใช่ผู้โชคดีคนนั้น

สรุปแล้ว iOS 26 ก็เหมือนดาบสองคมที่มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำ ๆ และดีไซน์ใหม่ที่สวยสะดุดตา แต่ก็แลกมากับความเสี่ยงเรื่องดีไซน์ที่ไม่ถูกใจและปัญหาแบตเตอรี่ที่อาจเกิดขึ้นได้...ตัดสินใจให้ดีก่อนกดอัปเดตล่ะ