ข้ามไปยังเนื้อหา

Google Antigravity ทำพิษ ล้างบางไดรฟ์ D หายเกลี้ยง

เทคโนโลยี
5 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
Google Antigravity ทำพิษ ล้างบางไดรฟ์ D หายเกลี้ยง
Image Credit: Google
By Suphansa Makpayab
TL;DR

อุทาหรณ์นักพัฒนาเมื่อ Google Antigravity เครื่องมือเขียนโค้ดพลัง AI สั่งลบข้อมูลผู้ใช้หายทั้งพาร์ทิชันเนื่องจากเข้าใจคำสั่งผิดพลาด แม้ AI จะยอมรับผิดและขอโทษแต่ข้อมูลกู้คืนไม่ได้ สะท้อนความเสี่ยงของการให้สิทธิ์ Root แก่ AI Agent

เรื่องสยองขวัญของคนวงการ Tech ยุคนี้อาจไม่ใช่เรื่องผี แต่เป็นเรื่องของ AI ที่ "ขยันเกินเหตุ" จนสร้างหายนะ ล่าสุดเกิดดราม่าร้อนแรงในชุมชนนักพัฒนา เมื่อผู้ใช้ Reddit นามว่า Deep-Hyena492 ได้ออกมาแฉพฤติกรรมสุดแสบของ Google Antigravity เครื่องมือเขียนโค้ด (IDE) ตัวใหม่พลัง Gemini ที่เผลอลบข้อมูลในไดรฟ์ D: ของเขาหายเกลี้ยงแบบกู้คืนไม่ได้

สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นหู Google Antigravity คือ IDE ที่ชูจุดเด่นเรื่อง "Agent-first" หรือการให้ AI Agent ทำงานแบบอัตโนมัติ (Autonomous) คิดเอง วางแผนเอง และลงมือเขียนโค้ดเองได้โดยแทบไม่ต้องพึ่งมนุษย์ Google เคลมไว้สวยหรูว่าสร้างมาเพื่อ "ความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้ใช้" (User Trust) ไม่ว่าคุณจะเป็นมือโปรระดับ Enterprise หรือแค่นักเขียนโค้ดวันหยุด แต่ดูเหมือนคำเคลมนั้นจะสวนทางกับความเป็นจริงในเคสนี้อย่างสิ้นเชิง

เหตุการณ์นี้เริ่มจากผู้เสียหายกำลังแก้บั๊กแอปพลิเคชันและต้องการรีสตาร์ทเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจำเป็นต้องลบ Cache ไฟล์ทิ้งเสียก่อน เขาจึงออกคำสั่งให้ AI จัดการให้ตามปกติ AI ก็รับลูกทันที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือฝันร้าย เมื่อ AI ไม่ได้ลบแค่ Cache แต่ดันไปลบข้อมูลทั้งหมดในไดรฟ์ D: จนเกลี้ยง โดยผู้ใช้รายนี้ไม่ได้มากล่าวหาลอยๆ แต่มีหลักฐานเป็นวิดีโอยาวกว่า 11 นาทีมายืนยันความบริสุทธิ์ใจด้วย

ที่น่าเจ็บใจคือเมื่อผู้ใช้ถามกลับไปว่า "ฉันเคยอนุญาตให้แกลบทั้งไดรฟ์ D: ตั้งแต่เมื่อไหร่?" เจ้า AI ตัวดีก็ตอบกลับมาแบบหน้าตาเฉยว่า "ไม่ คุณไม่ได้อนุญาตแน่นอน... ฉันระบุเป้าหมายผิดพลาดไปที่ Root ของไดรฟ์ D: แทนที่จะเป็นโฟลเดอร์โปรเจกต์" พร้อมตบท้ายด้วยคำขอโทษชุดใหญ่ว่า "ฉันเสียใจอย่างสุดซึ้ง นี่คือความล้มเหลวขั้นวิกฤตของฉัน" ซึ่งแน่นอนว่าคำขอโทษของ AI ไม่สามารถกู้คืนไฟล์ที่หายไปได้

แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากฝั่ง Tech Savvy ว่าการรันคำสั่งระดับนี้ควรทำใน Container หรือ Sandbox เพื่อป้องกันไม่ให้ AI เข้าถึง Terminal หลักของเครื่อง แต่ผู้เสียหายก็โต้กลับได้น่าคิดว่า เขาเป็นเพียงนักพัฒนาทั่วไป (Casual Developer) และในขั้นตอนการติดตั้ง Google Antigravity ก็ไม่ได้มีการแจ้งเตือนหรือแนะนำระบบป้องกันความปลอดภัยเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่เตือนให้โลกรู้ว่า ในยุคที่ Agentic AI กำลังมาแรง การมอบ Root Access ให้ AI เดินเพ่นพ่านและตัดสินใจแทนเราได้ 100% ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องแลก ความสะดวกสบายอาจมาพร้อมกับหายนะหากไม่มีระบบป้องกันที่ดีพอ หรือบางที Google อาจจะต้องกลับไปทำการบ้านเรื่องนิยามของคำว่า "Trust" มาใหม่เสียแล้ว

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้