อัปเดตล่าสุด: 7 ก.ย. 2568 19:52
ข้ามไปยังเนื้อหา
วิทยาศาสตร์
1 ครั้ง
0 ความเห็น

ภาพใหม่จาก James Webb เผยภูมิทัศน์การก่อกำเนิดดาวใน Pismis 24 ระยิบระยับดั่งยอดผาขรุขระ

Uncle Bear

Uncle Bear

@uncle-bear
1 นาที
TL;DR

James Webb ถ่ายภาพอินฟราเรดของกระจุกดาว Pismis 24 ใน Lobster Nebula ห่าง 5,500 ปีแสง เผยฝุ่นหมุนวนและดาวอ่อนในรายละเอียดคมชัด Pismis 24-1 เป็นดาวคู่มวลรวมราว 140 เท่าดวงอาทิตย์ รังสีและลมจากดาวร้อนแกะสลักโพรงในเนบิวลาและเร่งการเกิดดาวใหม่ ยอดแท่งฝุ่นสูงสุดยาว 5.4 ปีแสง ปลายยอดกว้างพอจุระบบสุริยะได้กว่า 200 ระบบ

กล้อง James Webb เผยภาพใหม่ของแหล่งกำเนิดดาวสุดดราม่าอย่าง Pismis 24 ในกลุ่มดาว Scorpius ห่างจากโลกประมาณ 5,500 ปีแสง ภาพนี้โชว์ฝุ่นหมุนวนและดาวฤกษ์วัยเยาว์ในรายละเอียดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ราวยอดผาขรุขระที่เปล่งประกายกลางอวกาศ

ภาพถ่ายทำด้วยแสงอินฟราเรดจาก NIRCam พร้อมใส่สีเทียมภายหลัง โดยจับภาพกระจุกดาว Pismis 24 ภายใน Lobster Nebula ใจกลางกระจุกคือดาว Pismis 24-1 บริเวณส่วนบนของภาพ โดยมียอดแท่งฝุ่นที่สูงที่สุดชี้ตรงไปหา มันเป็นดาวคู่ที่กล้องยังแยกไม่ออก มีมวลรวมประมาณ 140 เท่าของดวงอาทิตย์

ใต้แนวฝุ่นลงมา มีดาวฤกษ์ร้อนจัดที่อุณหภูมิสูงได้ถึง 8 เท่าของดวงอาทิตย์อาศัยอยู่ภายในเนบิวลา ปล่อย “รังสีแผดเผาและลมที่รุนแรง” ตามข้อมูลของ ESA รังสีเหล่านี้กำลังกัดเซาะผนังเนบิวลาให้กลายเป็นโพรง มีกระแสก๊าซร้อนที่ถูกไอออไนซ์ไหลพัดออกจากสันเขา เส้นขอบสีขาวที่เรืองอยู่ตามยอดสูงคือม่านบางของก๊าซและฝุ่นที่ส่องสว่างด้วยแสงดาว

ในเนบิวลา ก๊าซ ฝุ่น และวัสดุอื่นๆ จะจับตัวกันด้วยแรงโน้มถ่วงจนหนาแน่นพอจะก่อกำเนิดดาว เมื่อดาวลุกติดด้วยฟิวชันและมีจำนวนมากขึ้น พวกมันจะไอออไนซ์ก๊าซไฮโดรเจนและสร้างลมดาวฤกษ์มหาศาล อัดฝุ่นให้แน่นขึ้นและจุดชนวนการเกิดดาวรุ่นถัดไปต่อเนื่อง

ขนาดของโครงสร้างนั้นใหญ่มาก เนบิวลายังขยายออกไปไกลเกินขอบภาพของ NIRCam โดยยอดแท่งที่สูงที่สุดยาว 5.4 ปีแสงจากปลายถึงด้านล่างของภาพ และเพียงความกว้างตรงปลายยอด ก็ใหญ่พอจะจุระบบสุริยะอย่างของเราได้มากกว่า 200 ระบบ

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ