Roman Yampolskiy นักวิจัย AI safety และผู้อำนวยการ Cyber Security Laboratory แห่ง University of Louisville เตือนแรงว่าเกือบทุกอาชีพอาจถูก AI กลืนภายในปี 2030 โดยเขาระบุในรายการ The Diary of a CEO ว่า “ในอีกห้าปี เราอาจเห็นอัตราว่างงานระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ใช่ 10% ที่น่ากลัว แต่เป็น 99%” และมองว่าการรีสกิลหรืออัปสกิลจะไม่ช่วย เพราะ “ถ้าทุกงานถูกอัตโนมัติ ก็ไม่มีแผน B ให้ย้ายไปทำงานอื่นได้”
เขาให้เหตุผลว่าเมื่อเครื่องมือ AI ก้าวหน้าขึ้นและมีหุ่นยนต์มนุษย์มากขึ้น การจ้างคนอาจไม่คุ้มในอนาคตอันใกล้ อาชีพที่หลายคนคิดว่าปลอดภัยอย่างโค้ดดิ้งหรือ prompt engineering ก็อาจโดนก่อนด้วยซ้ำ ขัดกับมุมมองของ Bill Gates ที่เคยบอกว่าอาชีพอย่าง coders, energy experts และ biologists น่าจะรอด โดย Yampolskiy ย้ำว่า “AI เก่งกว่ามนุษย์ในการออกแบบ prompt ให้ AI ตัวอื่น ดังนั้นงานนี้ก็ไปแล้ว”
บริบทในอุตสาหกรรมก็ชวนกังวล มีรายงานว่าบริษัทสายหน้าอย่าง OpenAI, Google และ Anthropic กำลังชนกำแพง เพราะขาดคอนเทนต์คุณภาพสำหรับเทรนโมเดลระดับสูง ขณะเดียวกันหลายเจ้าเดินหน้าทุ่มลงทุนมหาศาลเพื่อไล่ตามกระแส AI และหวังแตะเป้าหมาย AGI ทั้งที่ยังไม่มีโรดแมปชัดเรื่องกำไร อีกด้านก็มีเสียงวิจารณ์ว่า OpenAI ให้ความสำคัญกับ “ผลิตภัณฑ์ที่ดูว้าว” มากกว่ากระบวนการและวัฒนธรรมด้านความปลอดภัย และแม้แต่ Dario Amodei แห่ง Anthropic ก็ยอมรับว่า “เราไม่รู้ว่าโมเดลของเราทำงานอย่างไร”
นอกเหนือจากความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย Yampolskiy ชี้ว่า AI คือภัยคุกคามเชิงภววิสัยอย่างแท้จริง โดยเขาเคยประเมินความเป็นไปได้ที่ AI จะยุติมนุษยชาติไว้สูงลิ่วถึง 99.999999% พร้อมสารภาพว่าจากเดิมคิดว่าเราสร้าง AI ที่ปลอดภัยได้ แต่ยิ่งศึกษายิ่งพบว่า “เราอาจทำไม่ได้จริงๆ”
อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่ายังไม่ใช่จุดไร้ความหวัง มนุษย์ยังเริ่มรับผิดชอบและตระหนักถึงความเสี่ยงได้มากขึ้น ผ่านการสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการ generative AI และในภาพใหญ่ เราควรดึงเกมกลับมาควบคุม ด้วยการสร้างเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ และให้คนที่ตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถจริง
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบ